วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและรู้ถึงประโยชน์ในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในงานด้านต่างๆ
2. เพื่อให้ผู้เรียนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบการทำงานด้านต่าง ๆ ได
้3. ผู้เรียนเข้าใจได้ว่าแต่ละงานหรืออาชีพต่าง ๆ มีความจำเป็นอย่างไรในการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงาน

ก่อนที่ผู้เรียนจะรู้ว่าคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างไร ต้องศึกษาและเข้าใจคำว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการนำโปรแกรมมาใช้งานให้ถูกต้อง ดังนี้

โปรแกรมคอมพิวเตอร์และการใช้งาน
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ โปรแกรมระบบ (System Software) และโปรแกรมประยุกต์(Application Software)

1. โปรแกรมระบบ (System Software) หมายถึง โปรแกรมพื้นฐานที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้ตามคำสั่ง โปรแกรมระบบจะทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน และแสดงผลลัพธ์ออกมาทางเครื่องมือแสดงผล

2. โปรแกรมประยุกต์ (System Software) หมายถึง โปรแกรมช่วยทำงาน คอมพิวเตอร์จะทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ จะต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ คือ โปรแกรมใช้งานหรือซอฟต์แวร์

เมื่อต้องการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานในลักษณะต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ เช่น    งานพิมพ์เอกสาร งานเก็บข้อมูล งานดนตรี ฯลฯ จำเป็นจะต้องสร้างโปรแกรมขึ้นมาใช้เฉพาะงานนั้น ๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล และทำงานตามโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น เพื่อใช้งานในลักษณะต่าง ๆ นี้เองเรียกว่าโปรแกรมช่วยงาน หรือโปรแกรมประยุกต์ (Application Software) ทำให้เกิดการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างกว้างขวางและแพร่หลาย

โปรแกรมประยุกต์พื้นฐาน
คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปจะมีซอฟต์แวร์ประยุกต์ หรือ Core applications พื้นฐานอยู่ในเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานที่ทำประจำได้ เช่น การพิมพ์งาน การคำนวณ การเก็บข้อมูล โดยมีระบบปฏิบัติการควบคุมอยู่ เช่น ดอส

เราสามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปแต่ละโปรแกรมได้ถ้ามีรูปแบบ (Format) การเก็บข้อมูลเหมือนกัน เช่น ถ้าใช้ดอสจากไมโครซอฟต์วินโดว์ก็สามารถใช้ได้เฉพาะโปรแกรมสำเร็จรูป
ที่ออกแบบการเก็บข้อมูลพิเศษสำหรับวินโดว์เท่านั้น ซึ่งมักจะลงท้ายว่า for Windows

1. Word wrap คือ การยกคำไปขึ้นบรรทัดใหม่เป็นความสามารถในการย้ายคำโดยอัตโนมัติไปพิมพ์ที่บรรทัดใหม่เมื่อ
พิมพ์ถึงจุดสุดเขตที่กำหนดของบรรทัดนั้น

2. Hyphenation คือ การใช้ยัติภังค์ (-) การใส่เครื่องหมายยัติภังค์ระหว่างคำในกรณีที่คำนั้นยาวไม่สามารถเขียนอยู่ในบรรทัดเดียวกันได้โปรแกรมประมวลผลคำจะใส่ให้โดยอัตโนมัติ

3. Page layout คือ การกำหนดหน้าเป็นการจัดเรียงข้อความในหน้ากระดาษเริ่มตั้งแต่การกำหนดขอบหน้ากระดาษหัวกระดาษ และส่วนของข้อความที่เขียนไว้บรรทัดสุดท้ายของ แต่ละหน้า เช่น หมายเลขหน้า

4. Tab ตำแหน่งบนจอภาพตามแนวตั้งที่ต้องการให้เคอร์เซอร์เคลื่อนไปหยุด โดยการกดปุ่มพิเศษแต่ละครั้ง

5. Justified text การจัดแต่งข้อความโดยจัดเป็นแฟ้มข้อมูลตรงกับเป็นแนวทั้งขอบซ้ายและขอบขวา

6. Block กลุ่มของข้อมูลความที่เลือกไว้เพื่อทำการตัดออก หรือคัดลอก แล้วนำมาเติมในส่วนที่เราต้องการ

7. Formatting text คือ การกำหนดรูปแบบในการพิมพ์เอกสาร ผู้ใช้สามารถกำหนดเอกสาร พิมพ์ตัวหน้า ขีดเส้นใต้ พิมพ์ตัวเอน เป็นต้น

8. Typeface หรือ Font คือ แบบตัวอักษร แบบหรือรูปร่างของตัวอักษรมีให้เลือกจำนวนมาก

9. Point size หรือ type size คือ ขนาดของจุด (Point) โดยที่ 1 จุด = 1/72 นิ้ว ในการพิมพ์ก็สามารถเลือกได้ เช่น อาจพิมพ์ตัวอักษรขนาด 10.5 จุด

10. Spell Check คือ การตรวจสอบการสะกดคำถ้าพบคำที่สะกดผิดก็จะแสดงคำสะกดให้

11. Word Count คือ การนับคำในเอกสาร

12. Search and replace คือ การตรวจสอบข้อมูลที่ต้องการ แล้วแทนที่ด้วยคำที่กำหนด

13. TWP (Technical Word Processor) เป็นเทคนิคของโปรแกรมประมวลผลคำโปรแกรมประมวลผลคำจะมีเทคนิคพิเศษในการพิมพ์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น สูตรทาง
คณิตศาสตร์